วันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2561


บันทึกการเรียน
วันพุธที่ 7  กุมภาพันธ์ 2561

เนื้อหาที่เรียน
นำเสนอ คำคมสำหรับผู้บริหาร





นำเสนอโรงเรียนสำหรับเด็กปฐมวัย

โรงเรียนลอออุทิศ
ลักษณะการดำเนินงานของโรงเรียนสาธิตอนุบาลละอออุทิศ จึงมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
1. เป็นสถาบันให้การศึกษาอบรมแก่เด็กปฐมวัย อายุ 3-6 ปี และเด็กในโครงการทดลองบ้านสาธิตอายุ 2-3 ปี ซึ่งเป็นงานที่โรงเรียนให้ความสำคัญยิ่ง โดยยึดแนวทางปรัชญา วิธีการดำเนินการเรียนการสอนตามวิธีการดำเนินการเรียนการสอนตามวิถีทางแห่งการพัฒนาเด็กปฐมวัยที่สืบเนื่องมาตั้งแต่แรกเริ่มก่อตั้งโรงเรียน จึงเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า โรงเรียนสาธิตอนุบาลละอออุทิศ เป็นโรงเรียนอนุบาลที่สอนเด็กโดยมุ่งการเตรียมความพร้อม และส่งเสริมพัฒนาการของเด็ก ให้พัฒนาไปอย่างเหมาะสมสอดคล้อง และต่อเนื่องกันไป
2. เป็นแหล่งฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู ให้แก่นักศึกษาครู ให้นักศึกษาได้มาศึกษาสังเกตมีส่วนร่วมในการสอน ทดลองสอน และฝึก ประสบการณ์วิชาชีพครูเต็มขั้น
3. เป็นแหล่งทดลอง ค้นคว้า วิจัย และพัฒนาความรู้ทางด้านการศึกษาปฐมวัย ซึ่งเปิดโอกาสให้คณาจารย์ ได้มาทำการทดลองวิจัยเพื่อพัฒนาความรู้ และรวมทั้งเป็นแหล่งให้ความร่วมมือสนับสนุนการวิจัยของหน่วยงานอื่น ในปี พ.ศ. 2530 ได้สร้างอาคารเรียนมีลักษณะเป็นบ้าน จำนวน 2 หลัง บริเวณมุมสนามหญ้าของโรงเรียนด้านติดกับสระน้ำมหาวิทยาลัยเพื่อทำการทดลอง และวิจัยเกี่ยวกับการจัดสภาพแวดล้อม ที่กระตุ้นการเรียนรู้ให้กับเด็กวัย 2-3 ปี ที่จะส่งผลต่อพัฒนาการของเด็ก และเพื่อการทดลองหารูปแบบการจัดบ้านสาธิตในเชิงธุรกิจ ซึ่งนอกจากผลการทดลองวิจัยจะช่วยสนับสนุนให้เห็นรูปแบบทางการศึกษาปฐมวัยโดยตรงแล้วในทางอ้อมยังเป็นการให้การศึกษาแก่เด็กอายุ 2-3 ปี และเป็นที่สาธิตการจัดการศึกษาให้แก่เด็กวัยดังกล่าวให้แก่ผู้ที่สนใจได้มาศึกษาวิธีการจัดดำเนินงานและฝึกงานอีกด้วย
4. เป็นแหล่งเผยแพร่นวัตกรรมทางการศึกษาเมื่อมีการศึกษาค้นคว้าทดลองวิจัยในเชิงทฤษฎีแล้วยังมีการนำทฤษฎีต่างๆ มาทดลองในการปฏิบัติ และพัฒนาปรับปรุงเพื่อให้เกิดผลในการนำไปใช้ ในปัจจุบันโรงเรียนได้พัฒนาและจัดพิมพ์หนังสือแผนการจัดประสบการณ์ของเด็กอายุ 3-6 ปี แบบฝึกทักษะที่สอดคล้องกับแผนการจัดประสบการณ์ทั้ง 3 ระดับชั้นเรียน สมุดรายงานประจำตัว ซึ่งเป็นการประเมินผลพัฒนาการของเด็กระดับอายุ 2-6 ปี รวมทั้งการผลิตสื่อการสอนและเกมการศึกษาจากการพัฒนา ศึกษา และค้นคว้า ทำให้เห็นได้ว่าการจัดการเรียนการสอนได้มีการพัฒนาไปอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้กับเด็กจะมุ่งเน้นการจัดจากสิ่งแวดล้อม และนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพ ในการจัดการเรียนมากขึ้น ในปี พ.ศ. 2545 โรงเรียนสาธิตอนุบาลละอออุทิศได้เปิดการจัดการศึกษา ระดับชั้น ประถมศึกษาปีที่ 1 เป็นครั้งแรก โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะจัดการเรียนรู้ตามแนวทางที่ใช้สิ่งแวดล้อม และ กิจกรรมเป็นหลัก ซึ่งเด็กไม่จำเป็นต้องมีเครื่องแบบ ไม่มีการบ้าน หนังสือ ตำราต่างๆ อยู่ในชั้นเรียน โดยไม่ต้อง นำกลับบ้าน ไม่มีการสอนพิเศษ แต่มีกิจกรรมเสริมให้ในตอนเย็น และมีการเรียนภาษาอังกฤษจากสิ่งแวดล้อม และเพื่อให้มี การบริหารโครงการที่เป็นอิสระ จึงมีการแยกส่วนของโรงเรียนเป็นโรงเรียนสาธิตประถมละอออุทิศโดยมีผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นภเนตร ธรรมบวร(รองศาสตราจารย์ ดร.นภเนตร ธรรมบวร) เป็นผู้ดูแลจัดการผู้ช่วยศาสตราจารย์อารยา สุขวงศ์ เป็นผู้ดำรงตำแหน่งครูใหญ่ของโรงเรียนสาธิตอนุบาลละอออุทิศ ในยุคแห่งการปรับปรุงและ เปลี่ยนแปลง (พ.ศ. 2527-2547) และได้เป็นผู้มีแนวความคิดสร้างสรรค์ และพัฒนางานของ โรงเรียนสาธิตอนุบาลละอออุทิศให้เจริญก้าวหน้าเป็นอย่างมาก ทั้งในด้านบริหารจัดการและวิชาการ จนเป็นที่ยอมรับ โดยทั่วไป ผู้ช่วยศาสตราจารย์อารยา สุขวงศ์ เกษียณอายุราชการในปี พ.ศ. 2547 ในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิตอนุบาลละอออุทิศ และยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาอธิการบดีฝ่ายโรงเรียนสาธิตจนถึงปัจจุบันนี้

สถานรับเลี้ยงเด็กโรงเรียนแสนสุข
นักเรียนระดับปฐมวัย โรงเรียนแสนสุข เรียนรู้อย่างมีความสุข กล้าพูดกล้าแสดงออก รักการเรียนรู้  ริเริ่มสร้างสรรค์ และมีคุณธรรมประจำใจ
โรงเรียนแสนสุข ก่อตั้งในปี พ.ศ.2547  และได้พัฒนาการเรียนการสอนมาโดยตลอดจนเป็นที่รู้จักดีในวงการการศึกษาเด็กปฐมวัย โรงเรียนแสนสุข จัดการเรียนการสอนแบบทันสมัยเทียบเท่ากับโรงเรียนในเมืองใหญ่ เด็กมีทักษะในการใช้ภาษาในการคิด และเรียนรู้ได้ดี โดยเด็กอนุบาล และเด็กเตรียมอนุบาล จะได้รับการพัฒนาทุกด้าน รวมทั้งด้านสติปัญญาอย่างสอดคล้องกับวิจัยและทฤษฎีใหม่ๆ ในปัจจุบัน เช่น Brain Based Learning การเรียนรู้ตามผลวิจัยเกี่ยวกับสมอง, Multiple Intelligence หรือ พหุปัญญา  และ Montessori มอนเตสซอรี่ เด็กอนุบาลของโรงเรียนแสนสุข เรียนรู้เกี่ยวกับโลกรอบตัว และวิชาการต่างๆ เช่น การอ่านเขียน คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ที่เกี่ยวข้องมีความหมายต่อเด็กในชีวิตประจำวัน และโลกรอบตัวของเด็ก นอกจากนั้น เด็กๆยังได้รับการ ส่งเสริมให้ดำรงไว้ซึ่งความเป็นไทย เรียนรู้และปฏิบัติตนตาม วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีของไทย รวมทั้งได้รับการปลูกฝังให้มี คุณธรรม จริยธรรม

Brain  School
รู้จักกับเรา
- Brainschoolเป็นหลักสูตรพัฒนาทักษะการคิดเชิงเหตุผล (Critical Thinking)และการคิดเชิงสร้างสรรค์ (Creative Thinking) สำหรับเด็กอายุ 1-8ปี
- Brainschool เน้นการเรียนรู้แบบบูรณาการ มุ่งสร้างความก้าวหน้าทางพัฒนาการเด็กในทุกด้านได้แก่ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษา และสังคมวิทยาศาสตร์
- Brainschool สอนผ่านกิจกรรมกว่า2,000กิจกรรมที่ได้รับการวิจัยจากนักวิชาการทางด้านเด็กเล็กกว่า40ท่านทำให้มีความต่อเนื่อง เป็นระบบ และได้ผลจริง
- ครูผู้สอนทุกท่านได้รับการฝึกอบรมหลักสูตร Creative Teaching Method จาก Hansol Education ทำให้มีความเข้าใจในบทเรียนและมีจิตวิทยาในการสอนเด็กเป็นอย่างดี

หลักสูตรของเรา
-  Brainschool เป็นหลักสูตรที่พัฒนาโดยบริษัทHansol Education บริษัทด้านการศึกษาอันดับหนึ่งของประเทศเกาหลี โดยดร. ยังจูโอ* ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการศึกษาของเกาหลี ได้ทำงานร่วมกับทีมวิจัยของ Hansolกว่า40ท่าน เป็นระยะเวลากว่า 3 ปี ในการพัฒนาหลักสูตร Brainschool ขึ้นมา หลังจากนั้นได้มีการนำหลักสูตรนี้ไปทดลองใช้กับชั้นเรียนตัวอย่างเพื่อทำการปรับปรุงจุดด้อยต่างๆ อีกเป็นระยะเวลา 2 ปี เพื่อให้ได้หลักสูตรทางการศึกษาที่ดีที่สุด
-  หลักสูตรของเบรนสคูลใช้หลักการของนักการศึกษาชาวอเมริกาที่มีชื่อเสียงสองท่านคือ ดร.บลูม(บิดาแห่งความคิดเชิงวิพากษ์)และดร.ทอแรนซ์(บิดาแห่งความคิดสร้างสรรค์) เพื่อให้เด็กๆสามารถใช้สมองทั้งสองข้างอย่างเต็มศักยภาพ
เป้าหมายการศึกษา
1. เพื่อให้เด็กมีความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์
2. สนับสนุนให้เด็กมีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้ และมีทักษะในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง
3. เพื่อให้เด็กได้เกิดประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาได้เหมาะสมกับวัย
4. เพื่อพัฒนาทักษะการคิดระดับสูงที่สามารถนำไปใช้ในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้
5. ปลูกฝังลักษณะความสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับปัญหาและมีแรงกระตุ้นและความเพียรที่จะแก้ปัญหานั้น

บ้านคุณปู่เนอเซอรี่
สถานรับเลี้ยงเด็ก บ้านคุณปู่ เนอสเซอรี่ ให้บริการเนอสเซอรี่และรับเลี้ยงเด็กแรกเกิด ถึงก่อนวัย
เรียน เราเน้นการให้ความรักความอบอุ่น จากการกอดการสัมผัสกับเด็กซึ่งเด็กเล็กจะสัมผัสได้ถึง ความรักอย่างรวดเร็ว บ้านคุณปู่ เนอสเซอรี่ ใช้ระบบการดูแลและพัฒนาเด็กเล็กโดยเน้นการใช้กิจกรรมเสริมทักษะในด้านต่างๆโดยเฉพาะกิจกรรมด้านศิลปะที่จะช่วยพัฒนาสมองของเด็ก อีกทั้งยังมีเครื่องเล่นที่ทันสมัย ปลอดภัยและสามารถพัฒนาทักษะและเสริมสร้างพัฒนาการของเด็กๆได้อย่างต่อเนื่องสมวัย
      โดยบ้านคุณปู่เนอสเซอรี่ เน้นเรื่องของการเตรียมความพร้อมของเด็กก่อนวัยเรียน ซึ่่งเด็กๆแต่ละคนก็จะมีความพร้อม ความถนัด ความสนใจ ความชอบ หรือแม้แต่ความมีสมาธิ ที่จะเรียนรู้ในเรื่องต่างๆที่แตกต่างกัน ดังนั้นเรามีหน้าที่ที่จะฝึกฝนเด็กๆให้มีความพร้อมในทุกๆเรื่องก่อนที่เด็กๆจะต้องเข้าไปศึกษาในสถานศึกษาในระดับสูงต่อไป
 รูปแบบการเรียนการสอน
      ทั้งนี้เด็กๆจะได้มีส่วนร่วมและสนอความคิดในเรื่องต่างๆและได้ร่วมเสริมสร้างจินตนาการผ่านการทำศิลปะและ สิ่งประดิษฐ์ เพื่อเสริมสร้างจินตนาการและการต่อยอดทางความคิด ความกล้าแสดงออกเรามีห้องยิมที่ปลอดภัยสำหรับเด็กๆเพื่อฝึกพัฒนาการของกล้ามเนื้อ แขน ขา ของเด็กๆ อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ เด็กๆยังได้ฝึกการอยู่ร่วมกับผู้อื่น การแบ่งปัน การฝึกให้พี่ที่โตกว่าได้ช่วยเหลือเด็กๆหรือน้องๆที่เด็กหรือเล็กกว่า โดยเด็กๆจะได้เรียนรู้อย่างสนุกสนานโดยไม่รู้สึกเบื่อหน่ายและพร้อมที่จะเรียนรู้อยู่เสมอ

ศูนย์พัฒนาเด็กเล้กเทศบาลร้อยเอ็ด
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ประสบผลสำเร็จจัดการสอนแบบมอนเตสซอรี่ จากสถานศึกษาต้นแบบ โรงเรียนอนุบาลกรแก้ว กทม. ได้รับรางวัลศูนย์พัฒนาเด็กเล็กดีเด่นขนาดใหญ่ ของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และรางวัลศูนย์ต้นแบบของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นระดับประเทศตามโครงการของ สสส. 1 ใน 14 แห่งทั่วประเทศ ประจำปีการศึกษา 2552 ความภาคภูมิใจของพี่น้องชาวเมืองร้อยเอ็ดเกิดขึ้นเมื่อเวลา 16.00น.วันที่ 27 มกราคม ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด นายนุชากร มาศฉมาดล รองนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองร้อยเอ็ดฝ่ายการศึกษา และ ดร.คำแก้ว ไตรสรพงษ์ ผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนอนุบาลกรแก้ว กทม. ในฐานะที่ปรึกษาศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ได้แถลงข่าวสื่อมวลชนแสดงความยินดีเนื่องด้วยศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ประสบผลสำเร็จจัดการสอนแบบมอนเตสซอรี่ จากสถานศึกษาต้นแบบ โรงเรียนอนุบาลกรแก้ว กทม. ได้รับรางวัลศูนย์พัฒนาเด็กเล็กดีเด่นขนาดใหญ่ ของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และรางวัลศูนย์ต้นแบบของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นระดับประเทศตามโครงการของ สสส. 1 ใน 14 แห่งทั่วประเทศ ประจำปีการศึกษา 2552 นำความปราบปลื้มปิติยินดีแก่เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด คณะครู บุคลากรของศูนย์ฯ ผู้ปกครอง นักเรียนและพี่น้องประชาชนในเมืองร้อยเอ็ดเป็นอย่างยิ่ง โดยกล่าวว่า ความสำเร็จครั้งนี้เกิดจากการจัดการสอนแบบมอนเตสซอรี่ ภายใต้ที่ปรึกษาจากดร.คำแก้ว ไตรสรพงษ์ และความร่วมมือร่วมใจกันของครูและบุคลากรของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด
นายนุชากร มาศฉมาดล รองนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองร้อยเอ็ดฝ่ายการศึกษา กล่าวว่า มอนเตสซอรี่ เป็นระบบการสอนรูปแบบหนึ่งที่สอนได้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงมัธยมศึกษา โดยผู้ริเริ่มการสอนคือ แพทย์หญิงมาเรีย มอนเตสซอรี่ (Dr.Maria Mostessori ) แพทย์สตรีคนแรกของอิตาลี ซึ่งได้ปฏิบัติกับเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา พบว่าเด็กที่มีความบกพร่องก็สามารถเขียนหนังสือได้ และผ่านการทดสอบได้ในระดับเดียวกันกับเด็กปกติ ทำให้มอนเตสซอรี่คิดค้นและนำมาประยุกต์ใช้กับเด็กปกติได้อย่างเหมาะสม ขณะนี้วิธีการสอนแบบมอนเตสซอรี่ได้รับการยอมรับในสถานศึกษาทั่วโลก เทศบาลเมืองร้อยเอ็ดมีโอกาสศึกษาดูงาน เข้ารับการอบรมการจัดการสอนแบบมอนเตสซอรี่ จากสถานศึกษาต้นแบบ โรงเรียนอนุบาลกรแก้วจึงได้นำวิธีการสอนแบบมอนเตสซอรี่ มาใช้ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด จนประสบผลสำเร็จชนะเลิศในระดับประเทศดังกล่าว
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ตั้งอยู่บริเวณคุ้มสระบัว ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด ก่อตั้งเมื่อปี 2541 ตามโครงการเด็กด้อยโอกาสในเขตเมือง ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากกรมการปกครอง และเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด เปิดสอนระดับชั้นเด็กเล็ก (ก่อนระดับการศึกษาปฐมวัย) ห้องเรียนละ 20 คน เมื่อปี 2545 เทศบาลเมืองร้อยเอ็ดร่วมกับภาควิชาประถมศึกษา คณะครุศาสตร์จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย และโรงเรียนอนุบาลกรแก้ว โดย ดร.คำแก้ว ไกรสรพงษ์ ได้มาจัดการระบบการเรียน การสอนให้กับศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โดยใช้การสอนแบบมอนเตสซอรี่ ซึ่งสถาบันการศึกษาทั้งสองแห่ง ได้กำหนดแผนปฏิบัติงานให้ความรู้ เพิ่มทักษะ ประสบการณ์ การจัดการเรียน การสอน และมานิเทศติดตามผลการปฏิบัติการสอนที่ช่วยเสริมความมั่นใจให้กับครูผู้สอน จนสามารถจัดกิจกรรมการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การจัดการเรียนรู้ หลักสูตรของการสอนแบบมอนเตสซอรี่ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มคือ กิจกรรมในกลุ่มประสบการณ์ชีวิต มีวัตถุประสงค์ในการฝึกเด็กให้มีระเบียบวินัย มีสมาธิเป็นของตัวเอง สามารถตัดสินเองได้ เรียนรู้กระบวนการตั้งแต่ต้นจนจบ ฝึกตา-มือ ประสานสัมพันธ์ เป็นการปูพื้นฐานในการเรียนต่อไป, กิจกรรมในกลุ่มประสาทสัมผัสชีวิต มีวัตถุประสงค์ในการฝึกประสาทสัมผัส อุปกรณ์ต่างๆ ในกลุ่มนี้ จะช่วยนำทางให้เด็กใช้ประสาทสัมผัสให้สัมผัสกันได้อย่างเหมาะสม เด็กจะได้สรวจเพื่อค้นหาและทำความเข้าใจกับสิ่งแวดล้อมรอบตัว เป็นเส้นทางสู่การเรียนรู้โลกภายนอก, และกิจกรรมกลุ่มวิชาการ (คณิตศาสตร์ และภาษา) เพื่อปูพื้นฐาน ความรู้ให้กับเด็กเกี่ยวกับจำนวน ตัวเลข การอ่าน และการเขียน โดยโกจะได้เรียนรู้ผ่านกระบวนการอย่างเป็นขั้นเป็นตอนจากรูปธรรมสู่นามธรรม โดยใช้อุปกรณ์ของมอนเตสซอรี่เป็นสื่อ ห้องเรียนมอนเตสซอรี่ จะจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ ในขณะเดียวกันเด็กจะรู้สึกสบายใจและรู้สึกเป็นธรรมชาติมากที่สุด อุปกรณ์จะไม่มีสีที่ฉูดฉาด และอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์สะอาด พร้อมนำออกมาปฏิบัติได้ตลอดเวลา
การจัดห้องเรียน อาคารด้านหน้า เป็นเด็กเล็ก มี 2 ห้องเรียน คือห้องมอนเตสซอรี่ ห้องวัฒนธรรม ห้องกิจกรรมรวม และอาคารด้านหลัง มี 4 ห้อง คือห้องรับประทานอาหาร ห้องศิลปะ ห้องมอนเตสซอรี่ และห้องเสริมประสบการณ์
ปัจจุบันศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด บุคลากรทั้งหมด 14 คน นักเรียนทั้งหมด 150 คน แยกเป็น 2 ช่วงอายุ คือ เด็กอายุระหว่าง 2 ปี 6 เดือน ถึง 3 ปี จำนวน 43 คน เด็กอายุระหว่าง 3 ปี ถึง 4 ปี จำนวน 107 คน มีเป้าหมายจะเปิดระดับอนุบาล 2 ช่วงอายุ 4-5 ปี 1 ห้อง จำนวน 20 คน ในปีการศึกษา 2553 นี้ มีนางศุภจารี วงศ์พรหม นักวิชาการศึกษา เป็นหัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด.


ศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์วัดโปรดเกศเชษฐาราม
ประวัติศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์
 วัดโปรดเกศเชษฐาราม ต.ทรงคนอง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ
       ศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์ตั้งขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล  จุดประสงค์    เพื่อให้เด็กได้เข้าใกล้วัด  ให้พระได้อบรมสั่งสอน    ปลูกฝังนิสัยตั้งแต่ยังเด็ก  ซึ่งเปรียบเสมือนผ้าขาวสะอาด จะซักย้อมอย่างไรก็เป็นการง่าย เหมือนไม้อ่อนย่อมดัดง่ายกว่าไม้แก่ อีกประการหนึ่งเพื่อช่วยเหลือผู้ปกครองในการอบรมและแบ่งเบาภาระในการเลี้ยงดูบุตรหลาน  ผู้ปกครองจะได้มีเวลา   ประกอบอาชีพการงานได้มากขึ้น
   ความไม่พร้อมของวัด
   วัดโปรดเกศเชษฐารามในปีนั้นยังไม่พร้อมที่จะตั้งศูนย์ฯ เพราะสถานที่ไม่อำนวย  แต่เจ้าหน้าที่ของทางราชการไม่สามารถที่จะหาวัดให้ขยายงานได้ตามนโยบายของรัฐบาล จึงพยายามจะให้รับจัดการ ขณะนั้น พระครูศีลคุณาลังการ เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันยังรักษาการเจ้าอาวาส  ก็ยังไม่แน่ใจว่าอนาคตจะดำเนินการอย่างไร ตลอดจนค่าใช้จ่าย แต่ก็ยินดีให้เปิดศูนย์ดำเนินการได้ โดยตั้งจุดประสงค์ว่าเป็นการกุศล
         ปี พ.ศ. 2536  วันที่ 9 มิถุนายน ศูนย์เปิดเรียน มีเด็ก 22 คน  ครูสอนและครูพี่เลี้ยงรวม 2 คน ใช้ศาลาการเปรียบส่วนหลังนอกเป็นห้องเรียน การเรียนก็ไม่สะดวกนักเพราะเวลาที่วัดต้องการใช้สถานที่ประกอบการกุศล เช่น งานศพ งานบวชนาค ก็ต้องหยุดเรียน การเลี้ยง  อาหารกลางวันก็ให้เด็ก ๆ นำอาหารกลางวันมากินเองในปีนั้น คาดว่าคงจะได้รับงบประมาณมาช่วยตามหลักการที่กรมการศาสนากำหนดไว้ แต่ปรากฏว่า ไม่ได้รับการช่วยเหลือแต่ประการใดวัดจึงได้ทำการกุศลสมจริงดังที่ตั้งใจไว้ มาถึงปีงบประมาณ 2537 งบประมาณมีจำกัด เพราะศูนย์ทั่วประเทศเปิดมากเกินไปจนจัดสรรเงินไม่ลงตัว  ศูนย์ฯ วัดโปรดเกศเชษฐารามได้รับมาส่วนหนึ่ง เป็นค่าตอบแทนครู 1 คน นอกนั้นวัดรับภาระทั้งหมด
         ปี 2538  ศูนย์ฯ ได้ย้ายไปอยู่อาคารโรงเรียนปริยัติธรรม   ซึ่งยังว่างอยู่ทั้ง 3 ชั้น  ในปีนั้นพีระยานุเคราะห์มูลนิธิ  ในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี   โดยมี ดร.อุกฤษ  มงคลนาวิน  เป็นประธานกรรมการมูลนิธิ ได้ยื่นมือเข้ามาโอบอุ้ม  รับศูนย์ฯ ไว้ในอุปการะ ได้อุปถัมภ์เงินเป็นค้าใช้จ่ายเงินเดือนครูและค่าอาหารกลางวันแก่เด็ก  ตลอดจนเครื่องชุดนักเรียนและอุปกรณ์การเรียนการสอนหลายชนิด  ทำให้ศูนย์ฯสามารถดำเนินงานได้คล่องตัวมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การอุปการะของพีระยานุเคราะห์มูลนิธิฯ
        พีระยานุเคราะห์มูลนิธิฯ ได้โอบอุ้มศูนย์อยู่ 2 ปีครั้ง  เมื่อถึงครึ่งปีหลังของ พ.ศ. 2540  ฐานะการเงินถูกกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ  การเงินถูกกระทบไปทั่วทุกวงการ มูลนิธิได้แจ้งให้ศูนย์ทราบว่า   ให้ช่วยตัวเองไปพลางก่อน   โชคดีที่เป็นปลายปีการศึกษาเหลือเวลาอีกไม่กี่เดือนก็สิ้นปีการศึกษา  แต่ฐานะของศูนย์ฯ  ก็กระทบมากเหมือนกัน ดีแต่ว่าปีก่อนนั้นราชการให้ค่าใช้จ่ายมากหน่อย ทำให้มีเงินพอเหลือใช้ต่อมาจนถึงสิ้นปีการศึกษา2540 (เมษายน 2540 สิ้นปีการศึกษา)
นโยบายช่วยเหลือตัวเองแบบพอเพียง
        ปี 2541 ศูนย์ฯ ได้ปรับปรุงนโยบายการบริหารด้านการเงิน คือ ทำความเข้าใจกับผู้ปกครองว่า  ผู้ปกครองได้รับการช่วยเหลือจากวัดมามากแล้ว  คือเรียนฟรี กินฟรี มาตลอด  ถึงเวลาที่  ผู้ปกครองจะต้องร่วมมือกันพยุงฐานะของศูนย์ฯไว้เพื่อประโยชน์ของบุตรหลานของท่านเองมิเช่นนั้นศูนย์ฯ จะต้องหยุดกิจการ  ผู้เดือดร้อนคือท่านที่ฝากบุตรหลานไว้กับศูนย์ฯและครูอีก8-9คน
       พ.ศ.2540 เป็นปีที่เศรษฐกิจของประเทศเกิดวิกฤติ การช่วยเหลือจากมูลนิธิฯงดหมดทุกรายการ ศูนย์ฯต้องดำเนินการจัดเก็บค่าบำรุงจากผู้ปกครองปีละ 3,000 บาท (สามพันบาทถ้วน) และสามารถที่จะแบ่งชำระได้เป็นรายเดือนหรือเป็นครั้งคราว รวมแล้วครบจำนวนเท่าที่กำหนด ถือว่าชำระครบแล้ว สำหรับชุดนักเรียนผู้ปกครองต้องซื้อเอง
       การดำเนินนโยบายขอรับการสนับสนุนจากผู้ปกครอง ทำให้การบริหารจัดการของศูนย์มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะมีเงินทุนที่จะจัดการบริหารทั้งด้านการเรียนการสอนและการจัดหาสื่ออุปกรณ์ที่ต้องการใช้ได้สะดวกขึ้น ทำให้ศูนย์สามารถพัฒนาได้ในทุก ๆ ด้าน
 ห้องเรียนเพิ่มเป็น 6 ห้องเรียน ครูเพิ่มขึ้น เป็น 13 คน
        พ.ศ.2546 ศูนย์ถ่ายโอนไปสังกัดองค์การบริหารส่วนตำบลทรงคนอง ครั้งแรก อ.บ.ต.ทรงคนองช่วยจ่ายเงินเดือนครูให้ส่วนหนึ่ง รวมทั้งค่าอาหารค่านม ปี 2550 อ.บ.ต.ทรงคนอง ถ่ายโอนครูไปสังกัดเป็นลูกจ้างของ อ.บ.ต.ทรงคนองทั้งหมด แต่ศูนย์ฯ ก็ยังจ่ายเงินเดือนอีกส่วนหนึ่งแก่ครูจากส่วนที่ขาดจาก อ.บ.ต.ให้



ประเมิน
อาจารย์  มีคำแนะนำและความรู้เพิ่มเติมให้กับนักศึกษาเพื่อนำไปต่อยอดต่อไป
เพื่อน     เพื่อนมีความตั้งใจในการเรียน และมีการเตรียมตัวที่ดีในการออกมานำเสนองาน
ตนเอง   เข้าเรียนตรงเวลา  ตั้งใจฟังเพื่อนกลุ่มอื่นนำเสนองาน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น